เบต้า กลูแคน (Beta Glucan) สารต้านอนุมูลอิสระสูงสุด ที่ช่วยให้ห่างไกลเซลล์มะเร็ง

          เม็ดเลือดขาว ถือว่าเป็นเซลล์ที่สำคัญต่อชีวิตคนเราเป็นอย่างมาก เนื่องจาก เม็ดเลือดขาว เป็นตัวที่ทำหน้าที่ สร้างภูมิคุ้มกันและคอยทำลายเชื้อโรค ตลอดจน สิ่งแปลกปลอม ให้แก่ร่างกาย  ดังนั้นจำนวนเม็ดเลือดที่ลดลง ย่อมส่งผลต่อโรคภัยไข้เจ็บที่ตามมา  ซึ่งภาวะเม็ดเลือดขาวถูกทำลายนั้น มักพบมากในผู้ป่วย โรคมะเร็งที่รักษาด้วยเคมีบำบัด เนื่องจาก ผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัด จะมีปริมาณเม็ดเลือดขาวในร่างกายลดลงเหลือเพียง 500-1,000 เซลล์ต่อไมโครลิตรเท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าปริมาณปกติ  จึงทำให้พวกเขา มีอาการเพลีย ติดเชื้อง่าย และเป็นไข้บ่อย  อย่างไรก็ตาม งานวิจัยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา กลับค้นพบว่า สารอาหารสำคัญ อย่าง เบต้ากลูแคน ที่เป็นตัวช่วยเร่งการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาวเพื่อต้านการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

                สารอาหารที่ชื่อว่า เบต้า กูลแคน (Beta Glucan)  เป็นสารประกอบของน้ำตาลกลูโคส  หรือ น้ำตาลเชิงซ้อน (Polysaccharide)  ที่ช่วยเสริมสร้างการผลิตเม็ดเลือดขาว ให้แข็งแรง สมบูรณ์   โดยนิยมนำมาใช้ในผู้ป่วยมะเร็งที่รับเคมีบำบัด เนื่องจากผลการวิจัยทางการแพทย์ พบว่า  หลังจากที่ ผู้ป่วยมะเร็งเต้านมระยะต่างๆ และรับการรักษาทั้งเคมีบำบัด ที่ได้รับ เบต้า กลูแคนเข้าไปในร่างกาย   ไขกระดูกของพวกเขาจะสร้างเม็ดเลือดขาวและปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดได้เพิ่มขึ้นกว่าปกติ นอกจากนี้ เบต้า กูลแคน  ยังช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งผิดปกติที่เจริญเติบโตในร่างกายได้อีกด้วย  เนื่องจาก เบต้า กูลแคน   จะเข้าไปกระตุ้นการทำงาน Helper T cell ให้หลั่งจาก สารแอนติบอดี้ออกมาจับกับเซลล์มะเร็ง จากนั้นก็จะเร่งให้ T killer cell เข้าไปกำจัดเซลล์มะเร็งที่ถูกจับคู่อย่างทันท่วงที  ดังนั้น นอกจาก เบต้า กูลแคน   จะมีประโยชน์ต่อผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการฉายเคมีบำบัดแล้ว เบต้า กูลแคน    ยังเป็นสารอาหารชั้นเยี่ยมสำหรับคนรักสุขภาพ ที่ป้องกันไม่ให้มีโอกาสโตขึ้นในร่างกาย ได้ในเวลาเดียวกัน

            อย่างไรก็ตาม เบต้า กูลแคน  สามารถพบได้พืช อาทิ ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ เห็ดหลินจือ เห็ดชิตาเกะ เห็ดไมตาเกะ สาหร่ายทะเล และผนังเซลล์ของยีสต์  นอกจากนี้ ยังถูกสกัดออกมาอยู่ในรูปอาหารเสริม เพื่อให้ผู้บริโภค สามารถรับประทานได้ง่ายมากขึ้น    และโดยปกติแล้ว คนทั่วไปควรได้รับ เบต้ากลูแคนในปริมาณ อย่างน้อย 500-1000 มิลลิกรัมต่อวัน  แต่สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง หรือ กำลังจะรับเคมีบำบัดแล้ว ปริมาณดังกล่าวอาจจะไม่เพียงพอ กล่าวคือ ผู้ป่วยกำลังฉายแสง หรือกำลังรักษามะเร็ง ควรรับประทานในปริมาณ 40 มิลลิกรัม x น้ำหนักตัว ต่อวัน  ในขณะที่ ผู้ป่วยกำลังทำเคมีบำบัดหรือคนที่เคยเป็นมะเร็งแล้วแต่ต้องการลดโอกาสเกิดโรค ควรรับประทานในปริมาณ 25 มิลลิกรัม x น้ำหนักตัว ต่อวันอย่างต่อเนื่อง  เพื่อช่วยฟื้นฟูร่างกายจากโรคที่เกิดจากความเสื่อมและป้องกันการทำงานที่ผิดปกติของเม็ดเลือดขาว ได้อย่างเห็นผล