ผมร่วงหนัก หนังศีรษะอ่อนแอ ต้องแก้ด้วยสารสกัดจากงาดำ (Black Sesame Extract)
ผู้หญิงกับความสวยความงามเป็นของคู่กัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมคุณผู้หญิงทั้งหลายถึงต้องวิ่งตามแฟชั่น วิ่งตามเทรนด์ หรือตามกระแสค่านิยมต่างๆในแต่ละช่วงเวลา เพราะนั่นเป็นการที่ต้องการปรับเปลี่ยนให้ตัวเองดูดีทันแฟชั่นอยู่เสมอ ไม่เพียงการปรับเปลี่ยนสิ่งของภายนอกอย่างเช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หรือเครื่องประดับภายนอกเท่านั้น แต่บางส่วนในร่างกายก็มีการปรับเปลี่ยนจัดแต่งใหม่อยู่เสมอไม่แพ้เหล่าบรรดาข้าวของเลย นั่นก็คือทรงผม
การจัดแต่งทรงผมนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ผู้หญิงทุกคนทำกันอยู่แล้ว ซึ่งการปรับเปลี่ยนมีตั้งแต่การจัดแต่ง การตัดเอาความสั้นความยาวออก การใช้ความร้อนไปกับการเปลี่ยนทรง และอีกหนึ่งสิ่งที่นิยมทำนั่นก็คือการเปลี่ยนสีผมโดยใช้สารเคมี นี่ยังไมได้มีการนับรวมสารเคมีจากการดัดหรือการยืด ซึ่งทุกอย่างที่กล่าวมาล้วนเป็นตัวการสำคัญในการทำร้ายเส้นผม และหนังศีรษะจนเกิดอาการผมขาดร่วง หนังศีรษะอ่อนแอ เส้นผมแห้งเปราะ รวมไปถึงอาจมีรังแค และผมหงอกที่เกิดขึ้นมาด้วย ดังนั้นหลังจากที่เผชิญปัญหาเส้นผม หลายผลิตภัณฑ์จึงได้มีการคิดค้นวิธีบำรุงเส้นผม ไม่ว่าจะเป็นทรีทเมนท์ หรืออบไอน้ำ หรือแม้แต่การนำสารสกัดจากธรรมชาติมาช่วยบำรุงผมเสียที่ผ่านสารเคมีมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งหนึ่งในสารสกัดจากธรรมชาติที่นิยมนำมาบำรุงเส้นผมและหนังศีรษะนั่นก็คือ สารสกัดจากงาดำ
สารสกัดจากงาดำเป็นหนึ่งในธัญพืชที่รวบรวมวิตามินต่างๆที่จำเป็นต่อร่างกายไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น วิตามินบีรวม แมกนีเซียม แคลเซียม โพแทสเซียม สังกะสี และธาตุเหล็ก อีกทั้งยังมีสารหารสำคัญมากมายที่มีส่วนช่วยบำรุงเส้นผมให้ดกดำเงางาม ลดการขาดล่วง ลดการเกิดปัญหารังแค รวมไปถึงลดการเกิดผมหงอกได้อีกด้วย แต่สารสกัดจากงำดำไม่ได้มีดีเพียงเท่านั้น เพราะว่าสารสกัดจากงาดำยังมีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนรอยเหี่ยวย่น ชะลอวัย และบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง ซึ่งเป็นที่ถูกใจของบรรดาสาวๆทั้งหลายด้วยสรรพคุณที่ครบเครื่องขนาดนี้ ดังนั้นการที่สาวๆอยากจะกลับมามีผมที่ดำสวยเป็นธรรมชาติ
สารสกัดจากงาดำก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดีๆ แต่สิ่งที่สำคัญเพื่อให้การบำรุงได้ผลนั่นก็คือ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ความร้อน สารเคมีกับเส้นผม เพราะหากยังทำแบบเดิมๆ การบำรุงเส้นผมก็อาจไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควรนั่นเอง
Share this Article