น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) ช่วยบำรุงผิวพรรณได้อย่างไร

        น้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันชนิดอิ่มตัวที่ได้มาจากการสกัดน้ำมันของเนื้อมะพร้าว และหลายๆคนคงคุ้นเคยกับการใช้น้ำมันมะพร้าวในการชโลมผิวเพื่อบำรุงให้ผิวเนียนนุ่ม เปล่งปลั่ง ไม่แห้งกร้าน หรือนำไปหมักผมเพื่อให้ผมดำขลับ เงาวาว แต่เราทราบหรือไม่ว่าจริงๆแล้วมีหลักการทางวิทยาศาสตร์อยู่เบื้องหลังความงามเหล่านี้ด้วย

        ในประเทศฟิลิปปินส์ก็มีการใช้น้ำมันมะพร้าวมาชโลมผิวเพื่อทำให้ผิวชุ่นชื่นขึ้นเช่นเดียวกับประเทศไทย ดังนั้นเขาจึงมีข้อสงสัยว่าผลการของใช้น้ำมันมะพร้าวเปรียบเทียบกับ Mineral oil ซึ่งได้มาจากปิโตรเลียมที่นิยมใช้เป็นมอยซ์เจอไรเซอร์บำรุงผิวโดยทั่วไป จะแตกต่างกันหรือไม่ในการด้านประสิทธิภาพการบำรุงผิว เขาจึงได้ทำการทดลองในปี 2004 โดยทดลองกับผู้ที่มีผิวแห้งระดับปานกลางถึงแห้งมาก (Xerosis) เป็นเวลา 2 อาทิตย์ต่อเนื่อง ผลการทดลองพบว่าน้ำมันมะพร้าวให้คุณสมบัติด้านความชุ่มชื้นเท่ากับ Mineral oil โดยวัดจากไขมันบนผิวของผู้เข้าทดสอบ ถึงแม้ว่าผลการวิจัยจะแสดงว่าน้ำมันมะพร้าวมีประสิทธิภาพเท่ากับ mineral oil แต่จะเห็นได้ว่าน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันได้จากธรรมชาติ ต่างจากmineral oil ที่ได้จากน้ำมันปิโตรเลียม ดังนั้นเราก็มั่นใจได้ว่าเราประโยชน์จากธรรมชาติเต็มๆ นอกจากนี้ยังมีการทดลองพบว่าน้ำมันมะพร้าวสามารถลดความรุนแรงของโรคเรื้อนได้มากถึง 68% และได้ผลดีกว่าการใช้ mineral oil ด้วย

        ไม่เพียงแต่การใช้เพื่อเพิ่มความชุ่นชื้นให้ผิวเท่านั้น น้ำมันมะพร้าวยังช่วยลดรอยแผลเป็นด้วย   มีการวิจัยทดลองทาน้ำมันมะพร้าวให้หนูทดลองที่มีแผล และพบว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยเร่งการสมานแผล, เพิ่มปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และเพิ่มปริมาณคอลาเจนใต้ชั้นผิวหนัง ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญในการสมานแผลด้วย และอีกการวิจัยหนึ่งก็พบว่าช่วยรักษาแผลไฟไหม้ด้วยเช่นกัน นักวิจัยคาดว่าน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการต้านเชื้อ (antimicrobial) ซึ่งป้องกันแผลจากการติดเชื้อ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้แผลหายเร็วขึ้น

        และถ้าหากใครมีปัญหาสิว น้ำมันมะพร้าวก็มีสมบัติในการลดการอักเสบของสิวได้ และด้วยโครงสร้างของน้ำมันมะพร้าวที่เป็นกรดไขมันอิ่มตัวที่มีความยาวขนาดปานกลาง จึงมีสมบัติด้านการต้านเชื้อแบคทีเรีย และนักวิจัยพบว่ากรดไขมันลอริก (Lauric acid) ในซึ่งมีปริมาณเกือบครึ่งหนึ่งน้ำมันมะพร้าวสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียชนิดที่พบในสิวและยังมีประสิทธิภาพดีกว่าสาร Benzoyl peroxide ที่มีสมบัติด้านการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว และใช้เป็นส่วนผสมในยารักษาสิว นอกจากนี้กรดไขมันคาพริก (Capric acid) ในน้ำมันมะพร้าวก็มีคุณสมบัติด้านลดการอักเสบและฆ่าเชื้อเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าน้ำมันมะพร้าวที่คุณแม่คุณยายใช้กันมานานตั้งแต่โบราณ มีประโยชน์มากมายโดยมีบททดสอบทางวิทยาศาสตร์ยืนยันจริง ดังนั้นอย่ามองข้ามประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวไปนะคะ