เจ้าแครนเบอร์รี่กระจิดริด 100 กรัม ให้สารอะไรแก่เราบ้าง
แครนเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินซีสูง บำรุงระบบทางเดินเลือดและมีส่วนช่วยบรรเทาอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบ นี่เป็นเพียงแค่ประโยชน์บางประการของแครนเบอร์รี่
เมื่อคำนวนคุณค่าทางโภชชนาการของแครนเบอร์รี่ 100 กรัม ส่งผลอะไรต่อร่างกายได้บ้าง บทความนี้จะช่วยให้คุณผู้อ่านจัดสรรการบริโภคแครนเบอร์รี่และอาหารเสริมอื่น ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ความต้องการพลังงานของผู้หญิงอยู่ที่ 1500-2000 แคลอรี่ต่อวัน ในขณะที่ผู้ชายต้องการ ถึง 2000-2500 แคลอรี่ต่อวัน ดังนั้นการดื่มน้ำแครนเบอร์รี่แบบไร้น้ำตาล จะทำให้ผู้ดื่มได้พลังงานเพียงน้อยนิด แต่วิตามินมหาศาล
คาร์โบไฮเดรตจากผลไม้ที่มีแคลอรี่ต่ำ เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก และได้รับน้ำตาลที่อยู่ในรูปแบบฟรุคโตส ซึ่งเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติ
ในขณะที่ผลไม้อื่น ๆ มีน้ำตาลสูง แครนเบอร์รี่กลับมีน้ำตาลเพียง 4.04 กรัม ดังนั้นเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
วิตามินบี1 0.012 มิลลิกรัม (1%)
วิตามินบี2 0.02 มิลลิกรัม (2%)
วิตามินบี3 0.101 มิลลิกรัม (1%)
วิตามินบี5 0.295 มิลลิกรัม (6%)
วิตามินบี6 0.057 มิลลิกรัม (4%)
วิตามินบี9 1 ไมโครกรัม (0%)
โดยรวมแล้ววิตามินบีโดยส่วนใหญ่มีส่วนช่วยในกระบวนการสร้างพลังงานจากอาหาร เกี่ยวข้องกับกระบวนการสร้างเม็ดเลือด และเกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์ของระบบประสาท
วิตามินอีเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระชั้นเยี่ยม ทำงานเหมือนกับวิตามินเอ วิตามินซี
วิตามินเค จัดได้ว่าเป็นวิตามินที่ละลายได้ดีในไขมัน โดยมีความสำคัญคือ ช่วยให้เลือดแข็งตัว เป็นการป้องกันเลือดไหลไม่หยุดนั่นเอง
แคลเซียมเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของกระดูกและฟัน ช่วยรักษาการเต้นของหัวใจ เซลล์กล้ามเนื้อหัวใจ ช่วยนำกระแสประสาทในสมองและไขสันหลัง
หน้าที่ของธาตุเหล็กที่สำคัญที่สุด คือ เป็นส่วนประกอบของเม็ดเลือดแดง ซึ่งเป็นตัวนำออกซิเจนจากปอดไปสู่เซลล์ต่าง ๆ ทั่วร่างกาย
ช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย เกี่ยวข้องกับขบวนการเผาผลาญที่จำเป็น ซึ่งส่วนมากแมกนีเซียมจะอยู่ในเซลล์ และจะไปกระตุ้นน้ำย่อย
แมงกานีสป้องกันโรคความจำเสื่อม และช่วยเรื่องการตอบสนองของกล้ามเนื้อ
เป็นส่วนประกอบของกระดูก และฟัน ซึ่งทำหน้าที่สัมพันธ์กับแคลเซียม สร้างเยื่อหุ้มเซลล์ และการเคลื่อนย้ายไขมัน
ช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย เพื่อการทำงานของหัวใจเต้นเป็นปกติ ลดความดันโลหิต และช่วยรักษาภูมิแพ้
กระตุ้นประสาทให้ทำงาน เป็นตัวเก็บเกลือแร่อื่น ๆ และช่วยรักษาความเป็นกรดด่างของเลือดให้คงที่
เป็นแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อย สังเคราะห์โปรตีน และเอนไซม์ต่าง ๆ สร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยลดการติดเชื้อทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
ทั้งนี้การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เป็นเรื่องที่ถูกต้องสำหรับการดูแลร่างกายให้แข็งแรง ในกรณีที่ไม่สามารถทานอาหารได้ครบ 5 หมู่
ควรรับประทานอาหารเสริมต่าง ๆ ให้ครบตามที่ร่างกายต้องการ หากรับประทาน มากเกินไป ร่างกายจะขับสารอาหารส่วนเกินออกทางของเหลวต่าง ๆ
แต่ทางออกที่ถาวร คือการรับประทานอาหารแต่พอดี และใช้พลังงานในปริมาณที่สมดุลกับปริมานพลังงานที่รับเข้าร่างกาย
หรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง
Share this Article