การบำบัดโรคมะเร็งด้วยคุณค่าของโสม
โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตมนุษย์ไปไม่น้อย หากเรารู้ช้าโอกาสรักษาก็แทบจะไม่มี แต่ถ้ารีบรักษาตั้งแต่ระยะแรก ก่อนที่เชื้อร้ายกระจายไปก็มีโอกาสหายได้ ซึ่งวิธีรักษานั้นทางการแพทย์จะต้องทำคีโมเพื่อทำลายเชื้อมะเร็ง ซึ่งเป็นยาที่มีความรุนแรงและร่างกายมักมีปฏิกิริยาต่อต้าน แล้วยังมีผลข้างเคียงอย่างอื่นอีกหลายประการ
ดังนั้นผู้ที่เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นโรคมะเร็ง จึงหันไปหาทางบำบัดโรคด้วยวิธีอื่นเพิ่มเติมอย่างเช่นการใช้โสม ซึ่งผ่านการวิจัยมาแล้วว่า มีฤทธิ์ช่วยระงับการแพร่ของเชื้อมะเร็ง จึงทำให้ชะลอการลุกลามและส่งเสริมการรักษาทางการแพทย์ได้ ซึ่งการรับประทานโสมยังสามารถช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็งอีกด้วย โดยโสมมีความสำคัญดังต่อไปนี้
โสมกับการลดความเสี่ยงและยับยั้งการเติบโตของมะเร็ง
นักวิชาการได้มีความพยายามที่จะคิดค้นและหายารักษาโรคมะเร็งมาโดยตลอด จนกระทั่งพบว่ามีพืชผักและผลไม้หลายชนิดที่มีสรรพคุณสามารถเป็นแอนติออกซิเดนท์ (antioxidant) รวมถึงมีสารสำคัญที่ช่วยในการยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งเราจะได้กล่าวถึงเฉพาะคุณสมบัติของโสมที่ผ่านการรับรองงานวิจัยโดยนักวิชาการมาแล้ว
1. สารจินเซนโนโซด์ (ginsenoside) หรือพาแนกโซไซด์ (panaxoside) สารทั้งสองตัวนี้มีการค้นพบว่าอยู่ในรากของต้นโสม ซึ่งมีสรรพคุณช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งได้ ในงานวิจัยเกี่ยวกับมะเร็งตับพบว่าเซลล์มะเร็งตับมีการปรับเปลี่ยนมาเป็นเซลล์ปกติได้ ไม่เพียงเท่านั้น โสมที่รับประทานเข้าสู่ร่างกายยังไปกระตุ้นให้ร่างกายมีการสร้างภูมิคุ้มกันอีกด้วย แต่ในงานวิจัยชิ้นเดียวกันนี้ได้ตั้งข้อสังเกตว่า สาระสำคัญในโสมที่เติบโตในต่างพื้นที่หรือต่างสภาพแวดล้อมนั้น มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันอยู่บ้าง
นอกจากสารสำคัญที่มีอยู่ในโสมโดยตรงแล้ว ยังมีการสกัดโสมด้วยสารชนิดอื่น ซึ่งทำให้มีประสิทธิภาพในการช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งอีก เช่น
ข้อควรระวัง
แม้ว่าโสมจะมีสรรพคุณช่วยเยียวยาได้หลากหลายโรคก็จริง แต่ควรระมัดระวังคือ ห้ามรับประทานร่วมกับวิตามินซี เพราะจะทำให้สรรพคุณที่ควรเป็นนั้นลดลง และไม่ควรรับประทานต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากอาจมีอาการเลือดออกได้ง่าย
Share this Article