แคลเซียม (Calcium) ช่วยป้องกันการเกิดนิ่ว
นิ่ว เป็นโรคที่พบได้ในคนทุกวัย และสำหรับหลายคนอาจจะเข้าใจผิดว่า แคลเซียมเป็นสาเหตุของโรค ทั้งที่จริงๆ แล้ว แคลเซียมเป็นแค่ปลายเหตุเท่านั้น เพราะโอกาสในการเกิดนิ่ว จะไม่มีเลย หากเราได้รับแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายในปริมาณที่เหมาะสม และถูกระตุ้นการดูดซึมอย่างเหมาะสม ให้สามารถนำไปใช้งานได้หมด โดยไม่เหลือตกค้างในร่างกาย ซึ่งหากต้องการป้องกันนิ่ว ควรงดอาหารเหล่านี้ร่วมกับแคลเซียม เพราะอาจจะก่อให้เกิดปัญหาในภายหลังได้
แคลเซียมห้ามกินกับกรดออกซาลิก
กรดออกซาลิกมักจะมีในผักใบเขียวบางชนิด ซึ่งหากแยกกันกินกับแคลเซียม และวิตามินซี ย่อมจะไม่เกิดปัญหา แต่เมื่อไหร่ก็ตาม ที่กินอาหารเหล่านี้รวมกัน กรดออกซาลิก เมื่อมาเจอกับแคลเซียม นอกจากจะไม่ช่วยในการดูดซึม เหมือนกับกรดอื่นๆ แล้ว ยังจะแปรสภาพเป็นเกลือออกซาลิก ที่มักจะตกตะกอนเป็นนิ่วตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ที่กระเพาะปัสสาวะ และไตของเรา
อาหารที่มีไขมันควรลดหากไม่อยากเกิดนิ่ว และเนื้องอก
อย่างที่เรารู้กันดี การได้รับไขมันในปริมาณที่มากเกินไปมักจะไม่เกิดผลดี ไม่ว่าจะกรณีไหนๆ และสำหรับการดูดซึมแคลเซียม ก็ด้วยเช่นเดียวกัน ที่ร้ายไปกว่านั้น ก็คือ การได้รับอาหารที่มีไขมันมากเกินไป มักจะเป็นตัวที่ปิดกั้นไม่ให้ร่างกายของเราสามารถดูดซึมสารอาหารอื่นๆ ได้ ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ สำหรับแคลเซียม มักจะเกิดการรวมตัวกับไขมัน จนกลายเป็นก้อนเนื้อ หรือก้อนนิ่วได้
กรดไฟติก
ชื่ออาจจะไม่คุ้น แต่หากคุณได้รับสารอาหารตัวนี้เข้าไปก่อนหน้า ควรจะมีการเว้นระยะสักหน่อยสำหรับการรับแคลเซียม เพราะมันจะไม่ต่างกันการนำเอาสารทั้ง 2 มาเป็นสารตั้งต้น ที่จะก่อให้เกิดเป็นก้อนนิ่ว ตามอวัยวะต่างๆ
ไม่ควรกินแคลเซียมมากเกินไป
ถึงแม้ว่าร่างกายของเราจะต้องการแคลเซียมมากแค่ไหนก็ตาม และถึงแม้ว่าคุณจะรู้ดีว่า แคลเซียม เป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถจะสร้างขึ้นได้เอง แต่อย่างหนึ่งที่เราไม่อยากให้คุณทำก็คือ การรับแคลเซียมเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป โดยเฉพาะเกินความต้องการของร่างกายที่ 1000 มิลลิกรัม เพราะการได้รับแคลเซียมในปริมาณที่มาก ย่อมหมายความว่า ร่างกายของเราจะต้องใช้เวลาในการดูดซึมที่มากขึ้น และถ้าหากว่าคุณเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอยู่แล้ว อัตราการดูดซึมของแคลเซียมในร่างกายย่อมจะน้อยกว่าคนที่ออกกำลังกาย
เมื่อทราบดังนี้แล้ว หากต้องการให้ร่างกายได้รับแคลเซียมเพื่อเกิดประโยชน์แล้วละก็ ต้องไม่ลืมที่จะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญก็ต้องรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะตามคำแนะนำ เพราะสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายนั้น จะส่งผลดีได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในปริมาณที่พอเหมาะกับร่างกายที่แข็งแรงพร้อมที่จะนำสารอาหารเหล่านั้นไปใช้งานนั่นเอง
Share this Article