กระบวนการทำงานของโกจิเบอร์รี่ (Goji Berry) ต่อการบำรุงผิวพรรณ
โกจิเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าต่อร่างกาย ทั้งมีสารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย โดยชาวจีนโบราณเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ต้นกำเนิดของโกจิเบอร์รี่จะอยู่แถบเทือกเขาหิมาลัย ประเทศที่ปลูกและส่งออกมากที่สุดในโลก คือ จีน ปัจจุบันก็กำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก เนื่องจากสรรพคุณของโกจิเบอร์รี่ที่ใช้ในการทำอาหารและสามารถสกัดเป็นยาได้หลายชนิด โดยมีผลการวิจัยที่รองรับหลายชิ้นว่า โกจิเบอร์รี่คือ ผลไม้ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก และเชื่อแน่ว่าในอนาคตคงจะมีการทำวิจัยเพื่อค้นหาสรรพคุณ“โกจิเบอร์รี่” ผลไม้มหัศจรรย์นี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างแน่นอน
โกจิเบอร์รี่ ได้รับการยอมรับจากนักวิชาการทางการแพทย์ว่าเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยเลื่องชื่อของ Dr.Earl Mindell ที่ได้เปรียบเทียบปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระของ
โกจิเบอร์รี่กับผักและผลไม้อีก 10 ชนิด (ได้แก่ ลูกพรุน ทับทิม บลูเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ บีส ส้ม ผักกาดใบหยิก ผักปวยเล้ง) ในปริมาณที่เท่ากัน พบว่าโกจิเบอร์รี่มีประสิทธิภาพในการกำจัดอนุมูลอิสระสูงกว่าผลไม้และผักในกลุ่มตัวอย่าง ผลงานวิจัยดังกล่าวจึงกลายเป็นอีกหนึ่งงานวิจัยที่การันตีว่าเจ้าโกจิเบอร์รี่มีสรรพคุณในการต้านอนุมูลอิสระที่สูงจริงๆ
โดยเจ้าสารอนุมูลอิสระนี้เองที่จะช่วยคงความหนุ่มสาวของเราอย่างยาวนาน ช่วยลดริ้วรอยต่างๆ อย่างได้ผล ที่สำคัญยังมีวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด เช่น เหล็ก สังกะสี แคลเซียม วิตามินซี เป็นต้น ซึ่งจากวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ล้วนสอดคล้องกับบทความพิเศษ ของ รอ. ฉัตรชัย ไตรทอง วารสารแพทยสารทหารอากาศ ซึ่งได้กล่าวว่า วิตามินซีจะมีส่วนช่วยในการบำรุงผิว สร้างเซลล์ผิวใหม่ ชะลอการเกิดริ้วรอยก่อนวัย ยับยั้งการเกิดฝ้าที่เกิดจากเม็ดสีเมลานิน ส่วนการบริโภควิตามินซีในแต่ละวัน ก็ขึ้นอยู่กับภาวะของแต่ละบุคคลด้วย เช่น คนสูบบุหรี่หรือดื่มเหล้า ควรทานวันละ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ถ้าคุณต้องการบริโภคเพื่อช่วยต้านอนุมูลอิสระคุณจะต้องทานประมาณ 250-1,000 มิลลิกรัม ที่สำคัญวิตามินซียังมีส่วนช่วยในการสร้างสังเคราะห์คอลลาเจนให้กับเนื้อเยื่อด้วย ซึ่งเจ้าโกจิเบอร์รี่นี้เองที่เป็นตัวช่วยที่ดีเนื่องจากเป็นแหล่งสะสมวิตามินซีสูงที่สูงมากนั่นเอง
Share this Article