อะเซโรล่า เชอร์รี่ (Acerola Cherry) คืออะไรและมีความสำคัญจริงหรือ
ผลไม้ป่าชนิดหนึ่งที่มีชื่อคล้าย ๆ เชอร์รี่ คือ อะเซโรล่าเชอรี่ เริ่มเป็นที่คุ้นหูคนไทยกันมากขึ้น แต่หลาย ๆ คนก็อาจจะไม่รู้จักอะเซโรล่า เชอร์รี่ และคิดว่าคงไม่แตกต่างจากเชอร์รี่ปกติทั่วไป แต่อาจจะมีความแตกต่างกันที่พันธุ์ของเชอร์รี่เท่านั้น แต่ความจริงแล้วอะเซโรล่า เชอร์รี่ ต่างจากเชอร์รี่ทั่ว ๆ ไปทั้งแหล่งกำเนิดที่พบ และคุณประโยชน์ก็มีมากกว่าด้วย ผลไม้ลูกเล็ก ๆ สีสวยนี้เป็นผลไม้พื้นถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากทวีปของเรา พบมากในแถบทะเลแคริบเบียน ทวีปอเมริกาใต้ อย่างประเทศเม็กซิโก คิวบา จาไมก้า บราซิล ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง มีคนนำไปปลูกในอเมริกา จากนั้นจึงกระจายไปทั่วโลกไม่เว้นแม้แต่ในทวีปเอเชียของเรา เช่นประเทศอินเดีย แต่ในประเทศไทยนั้นยังไม่มีคนนิยมนำมาปลูกกัน เรามารู้จักผลไม้จากแดนไกลที่มากคุณประโยชน์อย่าง อะเซโรล่า เชอร์รี่ นี้ด้วยกัน
อะเซโรล่า เชอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีหน้าตาคล้าย ๆ กันกับลูกเชอร์รี่แต่ลูกจะแป้นและกลมกว่า ต้น ของอะเซโรล่า เชอร์รี่ จะเป็นพุ่ม ๆ เมื่อสุกจะส่งกลิ่นหอมหวานคล้าย ๆ กับแอปเปิ้ล รสชาติเปรี้ยวอมหวาน มีสีส้ม แดง และผลของอะเซโรล่า เชอร์รี่ จะบอบบางมาก เวลาที่เก็บมาผลจะช้ำง่ายมาก ๆ เมื่อเก็บมาแล้วชาวสวนจึงต้องหาวิธีเก็บรักษาอย่างดี คือต้องเก็บไว้ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 7องศาเซลเซียส จึงจะไม่เกิดเป็นเชื้อรา แต่ถ้าจำเป็นต้องเก็บรักษาไว้ในระยะเวลานาน ๆ ก็จะต้องแช่แข็งในอุณหภูมิอย่างน้อย -12 องศาเซลเซียส
ผลไม้ที่บอบช้ำและเน่าเสียง่าย อีกทั้งยังลูกเล็กมาก ๆ และรสชาติไม่ได้เลิศล้ำอะไรนัก ทำไมผู้คนจึงนิยมปลูกกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั่วโลกและยังหาวิธีเก็บรักษาให้สดและรับประทานได้นาน ๆ เหตุผลก็เนื่องมาจากอะเซโรล่า เชอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มากไปด้วยคุณประโยชน์ยิ่งกว่าผลไม้อีกมากมายหลายชนิดบนโลก ประโยชน์ของอะเซโรล่า เชอร์รี่ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ปริมาณวิตามินซีบริสุทธิ์ในผลอะเซโรล่า เชอร์รี่ ที่มีมากถึง 1,644 มิลลิกรัมจากการกลั่นน้ำอะเซโรล่า เชอร์รี่ 1 ถ้วยและมีแร่ธาตุวิตามินอื่น ๆ อยู่อีกมากมาย ประโยชน์ที่ร่างกายได้รับเมื่อรับประทานอะเซโรล่า เชอร์รี่ ก็คือ ต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคหวัด ต้านเชื้อแบคทีเรีย ลดอาการภูมิแพ้ ทำให้ผิวสวยกระจ่างขึ้น ความนิยมของอะเซโรล่า เชอร์รี่ ที่มีมากก็คงเพราะปริมาณวิตามินซีและแร่ธาตุวิตามินที่เข้มข้น เพียงรับประทานในปริมาณไม่มากแต่ได้รับประโยชน์มากกว่ารับประทานผลไม้อื่น ๆ หลายเท่านั่นเอง
Share this Article