article
แครนเบอร์รี่ (Cranberry) ผลไม้สีแดงบำรุงเลือด

 

 

แครนเบอร์รี่ (Cranberry) ผลไม้สีแดงบำรุงเลือด

            ปัจจุบันเป็นยุคที่ผู้คนมักต้องทำงานแข่งขันกันสูง ทั้งการแข่งกับตนเอง และ ยังต้องแข่งกับเวลา การดำเนินชีวิตในยุคที่ต้องแข่งขันนั้นทำให้ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง  ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม ไม่ได้พักผ่อนนอนหลับอย่างเพียงพอ ไม่ได้รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพต้องรับประทานอาหารเร่งรีบซึ่งส่วนมากอุดมไปด้วยไขมัน  การดำเนินชีวิตแบบนี้เป็นการทำร้ายหลอดเลือดในร่างกายของเรา  เมื่อเราไม่ได้รับประทานอาหารที่เหมาะสม ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม จะทำให้เกิดไขมัน ไปพอกตามเส้นเลือดตามบริเวณต่างๆในร่างกาย ก่อให้เกิดเส้นเลือดตีบ ตามมาด้วยโรคต่างๆ ซึ่งโรคที่พบได้มากก็คือโรคความดันโลหิตสูง  แม้จะดูเป็นโรคที่ไม่น่ากลัวเท่าไหร่เพราะไม่มีอาการแสดงให้เห็นตั้งแต่แรก แต่โรคความดันในเลือดสูงนั้นถือเป็นภัยร้ายที่คอยกัดกินคุณภาพชีวิตของเรา

 

            แครนเบอร์รี่ (Cranberry) เป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ มีขนาดผลเล็ก สีแดงสด มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว มักจะปลูกในแถบประเทศอเมริกา และแคนาดา โดยมากไม่นิยมรับประทานผลไม้ชนิดนี้กันแบบสด ๆ  มักจะได้ทานแครนเบอร์รี่ที่ผ่านการแปรรูปผสมมากับอาหารชนิดต่าง หรือ ทานในรูปแบบแครนเบอร์รี่อบแห้ง    จากการศึกษาว่า แครนเบอร์รี่มีสารอาหารหลายชนิด มีผลช่วยให้หลอดเลือดในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ลดความแข็งตัวของหลอดเลือด  โดยสารอาหารสำคัญที่มีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของหลอดเลือดคือ สารโพลีฟีนอล (Polyphenol) และ สารกลุ่มฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ซึ่งเป็นสารที่มีประสิทธิภาพในการต้านอนุมูลอิสระ และ สามารถช่วยให้ขยายหลอดเลือดหัวใจที่เคยตีบ  โดยพบว่าเมื่อรับประทานแครนเบอร์รี่ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 6 เดือน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหลอดเลือด สามารถลดคราบไขมันที่เคยอุดตันหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดที่เคยตีบขยายขึ้น ลดอาการหลอดเลือดอักเสบ บวม และทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่นมากขึ้น ทำให้เลือดไปเลี้ยงหัวใจและส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดียิ่งขึ้น  หัวใจจึงไม่ต้องทำงานบีบตัวหนักมาก   โดยพบว่าน้ำผลไม้จากแครนเบอร์รี่มีผลดีต่อผู้รักสุขภาพทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีความเครียดและมีความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง   

 

            แครนเบอร์รี่จึงเป็นผลไม้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสารอาหาร เป็นแหล่งใยอาหาร และแร่ธาตุวิตามินที่หลากหลาย ส่งผลดีต่อร่างกายโดยรวมและช่วยให้การทำงานของระบบหัวใจและหลอดเลือดให้ทำงานได้ดี เหมาะกับผู้ที่มีความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานหนัก มีความเครียด น้ำหนักเกิน และไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย

 

 

         

Share this Article