น้ำมันปลา สารพัดประโยชน์
ในปัจจุบันเรียกได้ว่าเป็นยุคแห่งการดูแลสุขภาพ ผู้คนต่างหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพร่างกายของตัวเองกันมากขึ้น ไม่ว่าจะโดยวิธีการออกกำลังกายหรือการรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ อีกทั้งยังรวมถึงการใช้อาหารเสริมเติมเต็มสารอาหารที่ร่างกายขาดไปเพื่อบำรุงร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง น้ำมันปลา ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกลำดับต้นๆ ที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มคนรักสุขภาพ เนื่องจากอุดมไปด้วยกรดโอเมก้า-3 ซึ่งนอกจากจะมีคุณสมบัติบำรุงสมอง สามารถป้องกันโรคร้ายได้หลายโรคแล้ว น้ำมันปลายังมีประโยชน์ที่น่าสนใจอื่นๆ อีกด้วย
ประโยชน์ของน้ำมันปลา
- บำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจำและการเรียนรู้ต่างๆ ป้องกันโรคอัลไซเมอร์
- ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัวส่งผลให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดียิ่งขึ้น
- ป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็งตัว ลดความเสี่ยงภาวะเส้นเลือดในสมองแตก
- บำรุงหัวใจ ลดอาการหัวใจเต้นผิดปกติ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจวายเฉียบพลัน
- ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก ป้องกันมะเร็งตับอ่อน
- ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง
- ลดระดับคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
- บรรเทาอาการคัน ผื่นแดงและผิวหนังอักเสบในโรคสะเก็ดเงินหรือโรคเรื้อนกวาง
- บรรเทาอาการหอบหืด
- ลดความรุนแรงและความถี่ของอาการปวดไมเกรน
- ป้องกันโรคกระดูกพรุน
- บรรเทาอาการปวด บวม ข้อยึดในตอนเช้าของผู้ที่มีภาวะข้อเสื่อมและข้ออักเสบรูมาตอยด์
- ป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ
- ป้องกันโรคสมาธิสั้นในเด็ก
- ลดภาวะเครียดจากการใช้สมอง
- บำรุงสายตา เพิ่มพัฒนาการในด้านสายตาและสมองของทารก
- บรรเทาอาการซึมเศร้า
- ลดอาการปวดประจำเดือน
- บำรุงผิวพรรณ เส้นผมและเล็บให้มีสุขภาพดี
การรับประทานน้ำมันปลาเพื่อให้ได้ผลดี
เพื่อให้ร่างกายได้ผลลัพธ์สูงสุดควรรับประทานน้ำมันปลาในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับการใช้เพื่อป้องกันโรคควรรับประทานวันละ 1,000 มิลลิกรัม (1 แคปซูล) ที่สำคัญควรรับประทานอาหารอื่นๆ ให้ครบหลักโภชนาการเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน โดยผู้ที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือมีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน เนื่องจากน้ำมันปลามีฤทธิ์ต้านการแข็งตัวของเลือด
เรียกได้ว่า น้ำมันปลา นั้นมากสรรพคุณและเปี่ยมไปด้วยประโยชน์ที่หลากหลายเลยทีเดียว ซึ่งนอกจากปริมาณในการรับประทานที่ควรให้ความสำคัญแล้ว การเลือกซื้อน้ำมันปลาก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลยเป็นอย่างยิ่ง ควรตรวจดูปริมาณของกรด EPA และ DHA ที่เขียนไว้ข้างขวด ยิ่งมีสัดส่วนของไขมันสองชนิดนี้สูงก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ อีกทั้งควรเลือกซื้อน้ำมันปลาที่ได้มาตรฐาน บริษัทนำเข้าหรือสถานที่ผลิตมีความน่าเชื่อถือ เพื่อเป็นการรับรองคุณภาพของน้ำมันปลาและสร้างความมั่นใจว่าเราจะได้รับประโยชน์จากน้ำมันปลามากที่สุด
Share this Article