article
คืนคุณค่าที่ดีให้แก่ผิวด้วยไลโคพีน (Lycopene) สารสกัดจากมะเขือเทศ

 

คืนคุณค่าที่ดีให้แก่ผิวด้วยไลโคพีน (Lycopene) สารสกัดจากมะเขือเทศ

                ผิวที่สวยเปล่งปลั่งและคงความอ่อนเยาว์ตามธรรมชาติไว้ได้นาน ๆ ปราศจากริ้วรอยร่องลึกและความหมองคล้ำต้องเกิดจากการดูแลผิวที่เอาใจใส่เป็นพิเศษ เพราะตามธรรมชาติของผิวพรรณก็ย่อมจะเกิดริ้วรอย เสื่อมลงตามกาลเวลาและวัย สิ่งที่ผู้รักผิวนิยมในการดูแลผิวพรรณ เป็นวิธีที่ทำกันอย่างแพร่หลายและถือเป็น วิธีง่าย ๆ พื้นฐานในการดูแลผิวก็คือการหาเครื่องสำอางหลากหลายชนิดมาบำรุงผิว มีให้เลือกสารพัดสูตร และสารพัดส่วนผสม ซึ่งเครื่องสำอางหรือครีมประทินผิวเหล่านั้นก็ช่วยให้ผิวสวยขึ้น อ่อนเยาว์ได้ในส่วนหนึ่ง แต่ผิวที่สวยแท้จริงนั้นต้องมาจากภายในของโครงสร้างผิวเอง ผิวสวยคือความแข็งแรงและสมบูรณ์ของเซลล์ผิวจึงจะทำให้ผิวสวยอย่างแท้จริงและคงทน สวยนาน วิธีการบำรุงผิวที่ทำให้ผิวสวยจริงสวยนานกว่าการทาครีมก็คือการรับประทานวิตามินและสารอาหารที่เข้าไปเสริมสร้างผิวนั่นเอง

 

 

                หลาย ๆ คนก็อาจเคยได้ยินสารที่ชื่อว่า ไลโคพีน ซึ่งเจ้า สารสกัดไลโคพีนจากมะเขือเทศ เป็นอาหารที่ดีของผิว เป็นแหล่งของสารอาหารมีประโยชน์ที่ชื่อว่าแคโรตินอยด์ ซึ่งจะแปรเปลี่ยนเป็นวิตามิน เอ ที่บำรุงผิวพรรณ สารสกัดไลโคพีนจากมะเขือเทศ จะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ และรังสียูวีบี รังสียูวีนี่เองคือตัวการหลักที่ทำให้ผิวหมองคล้ำและเกิดริ้วรอยได้ง่าย ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นขึ้นไม่หยาบกร้าน สารสกัดไลโคพีนจากมะเขือเทศ ยังเข้าไปช่วยลดการทำลายคอลลาเจนของผิวที่เกิดสาเหตุจากอนุมูลอิสระ ทำให้ริ้วรอยมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยลง เพราะ สารสกัดไลโคพีนจากมะเขือเทศ ช่วยยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระที่ต้นทาง ช่วยชะลอวัยทำให้ผิวไม่เหี่ยวเร็วแก่เร็วจากการที่เซลล์บริเวณผิวหนังฝ่อและไม่สมบูรณ์

 

 

                สาว ๆ ที่ต้องการรับประทานไลโคพีนเพื่อบำรุงผิว ก็สามารถหาได้จากการรับประทานมะเขือเทศ ซอสมะเขือเทศเข้มข้น ลูกฟักข้าว และยังมีสารสกัดไลโคพีน ในรูปแบบของผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ซึ่งมีผลิตออกมาให้รับประทานง่ายด้วย ปริมาณการรับประทานไลโคพีนต่อวันที่เหมาะสมอยู่ที่ 5-20 มล.กรัม และในระยะแรกที่เริ่มรับประทานควรรับประทานต่อเนื่อง 1 เดือนจึงจะเห็นผลที่แตกต่างต่อผิวพรรณที่สวยขึ้นสุขภาพผิวดีขึ้นอย่างชัดเจน แต่ปริมาณในการกินที่มากจนเกินไปจะทำให้ผิวเหลืองได้ เพราะไลโคพีนมีรูปแบบเช่นเดียวกับวิตามิน เอ ซึ่งละลายในไขมันและปริมาณไลโคพีนที่มากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการจะไปสะสม อยู่ที่ตับซึ่งก็อาจเปลี่ยนจากผลดีกลายเป็นผลเสียแทนได้

 

 

                ฉะนั้นแล้วควรศึกษาวิธีรับประทานและปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งสำรวจตัวเองก่อนด้วยว่ามีอาการแพ้ต่อสารสกัดหรือไลโคพีนหรือไม่ เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

 

 

Share this Article

สินค้าแนะนำ