คุณค่าจากส่วนต่างๆของ เห็ดหลินจือ (Reishi)
เห็ดหลินจือ ได้ชื่อว่าเป็น สมบัติล้ำค่าของชีวิต ที่ถูกส่งต่อกันมาในประวัติศาสตร์จีนกว่า 2 พันปี ในฐานะสมุนไพร และยาอายุวัฒนะ โดยความหมายของคําว่า หลิน หมายถึง จิต วิญญาณ จือ หมายถึง เห็ด รวมกันเป็น เห็ดแห่งวิญญาณ เพราะมีคุณประโยชน์มากมาย ทั้งในเรื่องการ บำรุงร่างกาย การรักษาโรค และปรับสมดุลให้กับร่างกาย
ทั้งนี้เนื่องจาก สารสกัดจาก เห็ดหลินจือ มีสารสำคัญจำนวนมาก อาทิ โพลิแซ็กคาไรด์ ไตรเทอร์ปินนอยด์, เออร์โกสเตอรอล, นิวคลีโอไทด์, อัลคาลอยด์, เยอร์มาเนียม, กาโนเดอริค, อาดีโนซีน และวิตามินกับแร่ธาตุต่างๆ นอกจากนี้ ยังมีสารที่มีผลต่อการบำบัดโรค 3 ประเภทคือ สารประเภทที่ละลายนํ้า ร้อยละ 30, สารละลายอินทรีย์ ร้อยละ 65 และสารระเหยร้อยละ 5
อย่างไรก็ตาม คุณค่าของสารสำคัญหลักๆของ เห็ดหลินจือ ซึ่งมี 2 ส่วนได้แก่ ดอก เห็ดหลินจือ และ ราก เห็ดหลินจือ
1.ดอก เห็ดหลินจือ
ในส่วนของดอก เห็ดหลินจือ มี สารสกัดจากเห็ดหลินจือ สำคัญที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ โพลิแซ็กคาไรด์ เยอร์มาเนียม ไตรเทอร์ปินนอยด์นิวคลีโอไทด์ กาโนเดอริค อาดีโนซีน และกรดอะมิโนจำเป็น ช่วยตรวจสอบสภาพความเสื่อมในร่างกาย ปรับการไหลเวียนของเลือดค่าความเป็นกรดของเลือดในร่างกาย และระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในสภาวะสมดุลทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ สร้างภูมิต้านทานและชะลอความแก่ ป้องกันการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง เพิ่มออกซิเจนให้แก่ส่วนต่างๆ ในร่างกายเช่นเพิ่มออกซิเจนในเลือดทำให้สมองสดชื่น บำรุงสมอง เสริมสร้างระบบการย่อยอาหารให้มีประสิทธิภาพ และปรับปรุงการทำงานของตับอ่อน
2.ราก เห็ดหลินจือ
สำหรับ ราก เห็ดหลินจือ มี สารสกัดจากเห็ดหลินจือ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ สเปคตรัมวิตามิน โพลิแซ็กคาไรด์ เยอร์มาเนียม และแร่ธาตุต่างๆ สามารถช่วยป้องกันโรคอัมพาตได้ รวมถึงมีสรรพคุณการบำรุง ช่วยควบคุมความทรุดโทรมของเยื่อเซลล์และอวัยวะอื่นๆภายในร่างกาย เพิ่มกระบวนการเปลี่ยนแปลงสารอาหารในร่างกาย ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ปรับสภาพของร่างกายให้มีสุขภาพพลานามัยแข็งแรง ช่วยกระตุ้นระบบการทำงานให้เป็นปกติโดยการเพิ่มออกซิเจนแก่อวัยวะต่างๆ ปรับร่างกายให้อยู่ในสภาวะสมดุล ปรับการไหลเวียนของเลือดและอุณหภูมิภายในร่างกาย เสริมสร้างสารสื่อประสาทให้แก่สมอง กระตุ้นประสาท และยังสามารถปรับให้การทำงานของสมองกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ช่วยลดความพิการที่เกิดจากสมองเสื่อม และช่วยให้ระบบหลอดเลือดที่ไปลี้ยงสมองทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มปริมาณออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองให้สูงขึ้น และช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย
Share this Article