Hi-Balanz Lycopene 60 mg. 30 Capsules
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไลโคพีน สารสกัดเข้มข้นจากมะเขือเทศบำรุงผิวใส ปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB
ส่วนประกอบสำคัญใน 1 แคปซูล
Lycopene | 60 mg. |
วัตถุดิบนำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ | |
น้ำหนัก 11.4 กรัม/กล่อง
ขนาด 30 แคปซูล
รับประทาน : วันละ 1 แคปซูล หลังอาหารเย็น
คำเตือน : เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน อ่านคำเตือนบนฉลากก่อนรับประทาน
อย.เลขที่ 10-1-04741-1-0744
Hi-Balanz Lycopene 30 Capsules
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไลโคพีน สารสกัดเข้มข้นจากมะเขือเทศ บำรุงผิวใส ปกป้องผิวจาก UVA และ UVB (1 แคปซูล เท่ากับการรับประทานมะเขือเทศสุก 15-20 ลูก)
Lycopene ไลโคพีน สารสกัดเข้มข้นจากมะเขือเทศ
ในบรรดาแคโรทีนอยด์ทั้งหมด ไลโคพีน จัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ทรงพลังที่สุด ไลโคพีน มีฤทธิ์ที่ดีกว่าแบต้าแคโรทีน และ แอลฟาโทโคฟีรอล ถึง 2 และ 10 เท่า ตามลำดับ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต จึงทำให้ผิวสดใสมีชีวิตชีวา ผิวอมชมพู สุขภาพดี ลดการเกิดฝ้า กระ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB ลดการเผาไหม้ของผิวจากแสงแดดได้ดียิ่งขึ้น ช่วยลดริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ ผิวแห้งกร้านทำให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้นดูมีเลือดฝาด ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสังเคราะห์ไลโคพีนเองได้ ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานไลโคพีนเข้าไปจากผักผลไม้ หรืออาหารเสริมสารสกัดจากมะเขือเทศ
Lycopene ไลโคพีน
เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) และช่วยในการป้องกันการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกาย สารไลโคพีนนี้มีประสิทธิภาพเหนือว่าสารเบต้าเคโรทีน และสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์อื่นๆ ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และยังพบอีกว่าสารไลโคพีนนั้นสามารถช่วยลดโอกาสความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งในต่อมลูกหมากได้มากถึง 21% และลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเต้านม สามารถป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระทำปฏิกิริยาสร้างแผงที่ผนังเซลล์ที่อาจกลายเป็นเนื้อร้ายในภายหลัง
ประโยชน์ของไลโคพีน
ร่างกายไม่สามารถสังเคราะห์ไลโคพีนเองได้ ดังนั้นเราจึงต้องรับประทานไลโคพีนเข้าไปจากผักผลไม้ หรืออาหารเสริม โดยไลโคพีนจะไปกระจายอยู่ทั่วไปในเนื่อเยื่อบริเวณที่แตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่พบการสะสมของไลโคพีนมากที่ต่อมหมวกไต ลูกอัณฑะ และตับ จากการศึกษาวิจัยพบว่าไลโคพีนที่ผ่านกระบวนการใช้ความร้อน (heat processed-lycopene) เช่น การปรุงอาหาร ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ได้ดีกว่าไลโคพีนในธรรมชาติ
นอกจากนั้น การใช้ความร้อนในการประกอบอาหารยังทำให้ไลโคพีนที่อยู่ในผนังเซลล์ของผักและ ผลไม้ละลายออกได้มากขึ้น ทำให้ดูดซึมในระบบย่อยอาหารได้ดีกว่ารับประทานแบบสดถึง 2.5 เท่า ดังนั้นหากจะรับประทานผักและผลไม้เพื่อให้ร่างกายได้รับไลโคพีน จึงควรนำผักและผลไม้ไปปรุงให้สุกก่อน
References
ดีมาก | 0 |
---|---|
ดี | 0 |
พอใจ | 0 |
พอใจน้อย | 0 |
ไม่พอใจ | 0 |